ลำแสง แสงเป็นพลังงานรูปหนึ่ง
เดินทางในรูปคลื่นด้วยอัตราเร็วสูง 300,000 กิโลเมตรต่อวินาที
แหล่งกำเนิดแสงมีทั้งแหล่งกำเนิดที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เช่น
แสงดวงอาทิตย์ที่เป็นแหล่งพลังงานของสิ่งมีชีวิต แหล่งกำเนินแสงที่มนุษย์สร้างขึ้น
เช่น แสงสว่างจากหลอดไฟ เป็นต้นเมื่อแสงเคลื่อนที่ผ่านกลุ่มควันหรือฝุ่นละออง
จะเห็นเป็นลำแสงเส้นตรง และสามารถทะลุผ่านวัตถุได้
วัตถุที่ยอมให้แสงเคลื่อนที่ผ่านเป็นเส้นตรงไปได้นั้น เราเรียกวัตถุนี้ว่า
วัตถุโปร่งใส เช่น แก้ว อากาศ น้ำ เป็นต้น
ถ้าแสงเคลื่อนที่ผ่านวัตถุบางชนิดแล้วเกิดการกระจายของแสงออกไป โดยรอบ
ทำให้แสงเคลื่อนที่ไม่เป็นเส้นตรง เราเรียกวัตถุนั้นว่า วัตถุโปร่งแสง เช่น
กระจกฝ้า กระดาษไข พลาสติกฝ้า เป็นต้น
ส่วนวัตถุที่ไม่ยอมให้แสงเคลื่อนที่ผ่านไปได้ เราเรียกว่า วัตถุทึบแสง เช่น
ผนังคอนกรีต กระดาษแข็งหนาๆ เป็นต้น วัตถุทึบ
อัตราการให้พลังงานแสงของแหล่งกำเนิดแสง
แสงเป็นพลังงานอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิดความสว่างบนพื้นผิว
โดยแหล่งกำเนิดแสงจะเปล่งพลังงานแสงออกมาในหนึ่งหน่วยเวลา เรียกว่า ฟลักซ์ส่องสว่าง ( luminous Flux ) หรือ “อัตราการให้พลังงานแสง”
มีหน่วยเป็น ลูเมน ( lumen ; lm ) เขียนแทนด้วย ” F
” ตามบ้านเรือนเราใช้หลอดไฟเป็นแหล่งกำเนิดแสง
ตาและการมองเห็นสี
การมองเห็นวัตถุ
เกิดจากการที่แสงไปตกกระทบสิ่งต่างๆ แล้วเกิดการสะท้อนเข้าสู่ตาเรา
และผ่านเข้ามาในลูกตา ไปทำให้เกิดภาพบนจอ (Retina) ที่อยู่ด้านหลังของลูก ข้อมูลของวัตถุที่มองเห็นจะส่งขึ้นไปสู่สมองตามเส้นประสาท
(optic nerve) สมองจะแปลข้อมูลเป็นภาพของวัตถุนั้น
ตาคนและกล้องถ่ายรูปมีส่วนประกอบที่ทำหน้าที่คล้ายกันมาก
ตาประกอบด้วยเลนส์ตา เป็นเลนส์รับแสง เรตินาทำหน้าที่คล้ายฟิล์มถ่ายรูป
ถัดจากเรตินาเป็นใยประสาทซึ่งติดต่อกับประสาทตา ผ่านไปยังสมอง
เวลามีแสงจากวัตถุตกบนเลนส์ตาจะเกิดภาพชัดที่เรตินา ตาจะเห็นวัตถุในลักษณะเดียวกับภาพของวัตถุที่ตกบนฟิล์มถ่ายรูป
นอกจากนี้ตายังมีม่านตาเพื่อทำหน้าที่ปรับความเข้มของแสงบนเรตินาให้เหมาะโดยเปลี่ยนขนาดของพิวพิล
ม่านตาจึงทำหน้าที่คล้ายไดอะแฟรมของกล้องถ่ายรูป
นอกจากนี้ตายังมีกล้ามเนื้อยึดเลนส์ตาทำหน้าที่บังคับเลนส์ตาให้นูนมากหรือน้อย เพื่อให้เกิดภาพชัดบนเรตินา
ส่วนนี้แตกต่างจากกล้องถ่ายรูป
เพราะกล้องถ่ายรูปใช้วิธีเลื่อนตำแหน่งเลนส์เพื่อให้เกิดภาพชัดบนฟิล์ม
ตาคนปกติถ้ามองดูวัตถุที่ระยะอนันต์
ภาพจริงของวัตถุจะเกิดที่จุดโฟกัสของเลนส์ตาซึ่งอยู่บนเรตินาพอดี
โดยระยะใกล้สุดของวัตถุที่ตาคนปกติมองเห็นได้ชัดเจนเรียกว่า
ระยะใกล้ตาหรือจุดใกล้สุด(Near Point) โดยระยะใกล้ตาของคนที่มีสายตาปกติ
คือ ประมาณ 25 เซนติเมตร
ระยะไกลสุดที่ตาคนปกติมองเห็นได้ชัดเจนเรียกว่าระยะไกลตาหรือจุดไกลสุด(FarPoint)โดยระยะไกลตาของคนที่มีสายตาปกติ คือ
ระยะอนันต์ และ ดังรูป
รูปแสดงจุดไกล
และจุดใกล้ของคนสายตาปกติ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น